วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557

18 เคล็ดลับสุขภาพดี






สุขภาพดีอาจจะหาซื้อไม่ได้แต่เป็นเจ้าของได้แน่นอน ถ้าสาวๆ ทำตามเคล็ดลับเหล่านี้

   1. แอปเปิ้ล แตงโม กล้วย กีวีต้องระวังผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้มีประโยชน์มาก แต่ถ้าคุณกำลังทานยาปฏิชีวนะอยู่ ผลไม้พวกนี้จะกลายเป็นโทษทันทีเพราะมันบูดในลำไส้ได้ง่าย อาจจะทำให้เกิดอาการอักเสบในระบบทางเดินอาหารได้

   2. ผลไม้กับมื้ออาหารก่อนทานอาหารควรจะเรยีกน้ำย่อยด้วยสับปะรดและมะละกอสัก 2-3 ชิ้น ผลไม้สองชนิดนี้มีเอนไซม์ที่จะช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารมื้อหลักที่กำลังจะตามลงมาได้ง่ายขึ้น และหลังจากจบมื้ออร่อยแล้วควรตบท้ายด้วยแอปเปิ้ลสัก 1 ชิ้นเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลายซึ่งจะทำให้จำนวนแบคทีเรียในช่องปากลดลง และช่วยให้เหงือกแข็งแรงด้วย

   3. อย่าปล่อยให้หิว
ควรจะทานอาหารให้ตรงเวลาทุกวันแม้จะยังไม่รู้สึกหิวก็ตาม เพราะเวลาที่เราหิวร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนควมเครียดออกมา ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำก็จะทำให้คุณกลายเป็นสาวเครียด และนำไปสู่อาการความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือเบาหวาน

   4. เนื้อสัตว์กับผลไม้ไม่เข้ากัน
ถ้าทานน้อยๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามื้อไหนคุณทานเนื้อเป็นจำนวนมากแล้วควรจะงดผลไม้ไป เพราะกว่าเนื้อจะย่อยหมดต้องใช้เวลานาน ส่าวนผลไม้ซึ่งย่อยเร็วจะถูกกักอยู่ในกระเพาะ จึงทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารได้

   5. นาฬิกาชีวภาพหลักการสุขภาพดีบอกไว้ว่าเราควรจะเข้านอนในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน แต่ส่วนใหญ่พอถึงคืนวันศุกร์กับวันเสาร์เรามักจะนอนดึกเพราะถือว่าเป็นวันหยุด การทำอย่างนี้จะทำให้ความเคยชินหรือที่เรียกว่าชีวภาพของร่างกายรวรเร จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่วันจันทร์เราจะง่วงนอนกว่าปกติ

   6. ความเครียดทำลายผิว
ถ้าอยากผิวสวย แก่ช้า ดูอ่อนกว่าวัย สิ่งแรกที่ต้องปรับคือความคิดของตัวเราเอง พยายามคิดในทางบวก มองโลกในแง่ดี หลีกเลี่ยงความคิดที่ทำให้ตึงเครียด เพื่อไม่ให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกทำลายตัวเราเอง

   7. หลีกเลี่ยงภาชนะพลาสติก
เพราะความร้อนรวมทั้งรสชาติเผ็ดเปรี้ยว เค็มจากอาหารสามารถเข้าไปกัดเซาะสารสังเคราะห์ในพลาสติกให้ละลายออกปะปนกับอาหารได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการใช้ภาชนะพลาสติกใส่อาหารเข้าอุ่นในเตาไมโครเวฟยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง เพราะเป็นการเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเป็นอย่างมาก

   8. อย่าประมาทอาการไอเรื้อรังหลังจากหายหวัดแล้วอาการไออาจจะยังไม่หายไป แต่สาวหลายคนมักจะไม่สนใจเพราะคิดว่าอาการไอเป็นเรื่องชิลๆ แต่ที่จริงอาการไอเรื้อรังร้ายแรงกว่าที่คุณคิด เพราะมันอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ยาปฏิชีวนะ ที่หมอให้มารักษาอาการหวัดไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ วิธีหยุดอาการไอที่ได้ผลที่สุดคือการดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อลดเสมหะในทางเดินหายใจ และนอนหลับให้เพียงพอเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้เต็มที่

   9. เท้าและข้อเท้าบวม
ถ้ามีอาการแบบนี้อย่าปล่อยไว้ เพราะฝ่าเท้าเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาททั่วร่างกาย ถ้าบริเวณเท้ามีปัญหาก็จะส่งผลถึงร่างกายทุกส่วน วิธีแก้ไขคือให้นั่งยองๆ ทุกวันๆ ละ 15 นาทีจากนั้นก็ขยับข้อเท้าไปข้างหน้าและข้างหลังเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น หลังจากนั้นใช้แปรงขนนุ่มๆ แปรงผิวหนังเบาๆ โดยเริ่มจากฝ่าเท้าแล้วค่อยๆ ปัดไล่ขึ้นมาที่ข้อเท้า น่อง ต้นขา ท้อง แขนไปจนสุดที่มือทั้งสองข้าง (ยกเว้นผู้ที่เป็นเบาหวานเพราะเสี่ยงจะเกิดบาดแผล) ตบท้ายด้วยการอาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น

   10. งดเครื่องดื่มคาเฟอีน
เครื่องดื่มพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟ ปกติก็ไม่ควรดื่มอยู่แล้ว แต่ถ้าบังเอิญคุณเป็นโรคปวดหลัง เครื่องดื่มพวกนี้จะเป็นศัตรูของคุณไปทันที เพราะคาเฟอีนจะไปลดการหลั่งสารเอนโดรฟินซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดตามอวัยวะต่างๆ อาการปวดของคุณก็จะไม่หายหรืออาจจะเป็นมากขึ้นด้วย

   11. ดื่มน้ำเร็ว...อันตราย
ใครๆ ก็บอกว่าควรจะดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว แต่ต้องค่อยๆ ดื่มไปตลอดวัน ไม่ใช่ทั้งวันไม่ดื่มเลย แล้วมารวบยอดเอาในครั้งเดียว เพราะการดื่มน้ำปริมาณมากๆ ในครั้งเดียวอาจทำให้เกิดอาการน้ำเป็นพิษเนื่องจากเลือดเจือจาง และอาจทำให้เป็นตะคริว กล้ามเนื้อเกร็งตามมา ยิ่งถ้าอาการเกร็งไปเกิดที่สมอง หัวใจ หรือปอด ก็อาจจะทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้

   12. แดดอ่อนตอนเช้า
แสงแดดยามเช้าจัดว่าเป็นยาตามธรรมชาติที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ นอกจากทำให้กระดูกแข็งแรงแล้วยังทำให้อารมณ์ดี เพราะแดดอ่อนๆ มีวิตามินที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข ออกมาต่อต้านอาการซึมเศร้าในตัวเรา คนที่เดินเล่นรับแดดอ่อนจึงมีหน้าตาเบิกบานกว่าคนที่มัวแต่หลบแดดอยู่ในบ้านมาก

   13. เบาหวานอย่าทานไข่
ถ้าสมาชิกในครอบครัวคุณคนไหนเป็นเบาหวาน ควรให้เขางดไข่ไปเลย เพราะมีรายงานทางการแพทย์ว่าถ้าคนที่เป็นเบาหวานทานไข่อาทิตย์ละ 1 ฟอง จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากขึ้น

   14. อยากผอมต้องน้ำเย็นการดื่มน้ำเย็น 50 ออนซ์ จะช่วยเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นวันละ 50 แคลอรี ช่วยให้น้ำหนักลดลงปีละ 2.5 กิโลกรัม เพราะเมื่อเราดื่มน้ำเย็นร่างกายต้องใช้พลังงานในการทำให้น้ำนั้นเปลี่ยนอุณหภูมิเป็นอุณหภูมิปกติก่อน แล้วจึงนำไปใช้ได้ จึงเป็นการใช้พลังงานมากกว่าเดิม

   15. สุขภาพดีทันทีที่ตื่น
ถ้าอยากดูแลสุขภาพพร้อมกับการเริ่มต้นวันใหม่ ทันทีที่ตื่นนอนสาวๆ ควรผสมน้ำส้มสายชู (ที่หมักจากผลแอปเปิ้ล) กับน้ำผึ้งในสัดส่วนเท่ากัน ใส่น้ำอุ่นนิดหน่อย คนให้เข้ากันแล้วนำมาดื่ม จะช่วยให้การดูดซึมของระบบลำไส้และการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ดีตลอดวัน

   16. ผู้ชายอย่าพลาดมะเขือเทศ
สำหรับหนุ่มซ่าที่กำลังเริ่มมีอาการเตะปี๊ปไม่ดังหรือกลัวว่าจะเป็นหมัน มะเขือเทศคือผลไม้ที่คุณจะพลาดไม่ได้ เพราะมะเขือเทศสุกมีสารโคปีนสูงมาก ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้ดี ประสิทธิ์ภาพและสมรรถภาพต่างๆ จึงทำงานได้เป็นปกติ ถ้าผู้ชายทานมะเขือเทศอย่างน้อยอาทิตย์ละ 10 ผลหรือมากกว่านั้น ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ก็จะน้อยลง 45 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญควรจะทานแบบสุกๆ เช่น ทานเป็นน้ำพริกอ่อง สปาเก็ตตี้ เพราะเวลามะเขือเทศถูกความร้อนมันจะปล่อยสารไลโคปีนออกมามากขึ้น

   17. ป้องกันกรดในกระเพาะอาหาร
สำหรับที่ท้องอืดบ่อย ควรลดปริมาณการดื่มน้ำผลไม้เข้มข้นอย่างเช่น มะนาว ส้ม ส้มโอ เกรฟฟรุต หรือน้ำมะเขือเทศสดนั่น เพราะน้ำพวกนี้มีกรดมากทำให้ท้องอืด หรือถ้าเสพติดไปแล้วอดไม่ได้จริงๆ ก็อาจจะทำให้เจือจางลงด้วยการผสมน้ำมากๆ

   18. หลบอัลไซเมอร์ด้วยเกม
ถ้าไม่อยากเป็นอัลไซเมอร์หรือเป็นโรคขี้หลงขี้ลืม สาวๆ ควรจะฝึกสมองด้วยการเล่นเกมที่ต้องใช้สมาธิ เช่น ปริศนาอักษรไขว้ เกมในคอมพิวเตอร์ หรืออาจจะทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิอย่างเรียนดนตรี เล่นหมากรุก เป็นต้น เพราะเกมเหล่านี้จะช่วยให้ระบบประสาททำงานเชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ


12 เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อหน้าใสไร้ริ้วรอย








12 เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อหน้าใสไร้ริ้วรอย (First)

          icon 1. ไม่ควรนอนดึกหรืออดนอน
 แม้ก่อนหน้านี้จะเคยใช้เวลาช่วงกลางคืนหมดไปกับการอ่านหนังสือ ดูหนัง ดูละคร หรือจะทำงานก็ตาม แต่ถ้าอยากหน้าใสไร้ริ้วรอย เมื่อถึงเวลาหัวค่ำแล้วก็ควรเข้านอนให้ตรงเวลาซะ หยุดกิจกรรมที่เคยชินเสียเดี๋ยวนี้ ร่างกายจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ 

          icon 2. ควรดื่มน้ำในปริมาณอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน ซึ่งน้ำในที่นี้ไม่นับพวกน้ำหวาน น้ำอัดลม แต่ต้องเป็นน้ำเปล่าที่สะอาด ไม่เย็นหรือร้อนจนเกินไป เพราะเมื่อเราดื่มน้ำอย่างเพียงพอแล้ว ปัญหาผิวแห้งหรือผิวเป็นขุยจะหมดไป แถมทำให้ดวงตาดูสดใส ผิวอวบอิ่มไร้ริ้วรอยอีกด้วย

          icon 3. ไม่ลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และควรบริหารหน้าด้วยการนวด หรือง่ายๆ แค่ขยับปากพูดคำว่า "อา อี เอ โอ อู" แค่นี้กล้ามเนื้อหน้าก็จะได้รับการดูแลไม่ให้เหี่ยวย่น

          icon 4. งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด และเครื่องดื่มจำพวกน้ำชา กาแฟ ไม่อย่างนั้นริ้วรอยจะมาเคาะประตูถามหาอย่างแน่นอน อีกทั้งต้องงดการสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่คือตัวอันตรายที่จะทำให้หน้าของคุณดูแก่เกินอายุ

          icon 5. หลีกเลี่ยงการตากแดดเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแสงแดดที่แรงจัด มิเช่นนั้นหน้าของคุณจะแก่ก่อนวัยโดยที่ไม่รู้ตัว แต่ถ้าหากจำเป็นต้องเผชิญกับแสงแดด ก็อย่าลืมใช้ครีมกันแดด SPF สูงๆ ทาป้องกันก่อนเดินทางออกจากบ้าน

          icon 6. ใช้โลชั่นอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีความเสี่ยงหรืออยู่ในสถานที่ที่มีสิ่งแวดล้อมที่จะทำให้แก่ง่าย เช่น ในห้องแอร์ฯ ที่หนาวจัด ถ้าอยู่นานๆ ความเย็นที่ติดลบก็จะทำลายผิวหน้าของคุณ

          icon 7. ทำความสะอาดร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณใบหน้าให้สะอาดอยู่เสมอ ยิ่งหากคุณเป็นสิวด้วยแล้ว คุณควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสำหรับการรักษาสิวเท่านั้น โดยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA จะช่วยทำให้ใบหน้าของคุณลื่นขึ้น ที่สำคัญห้ามแกะ แคะ บีบ เกา บริเวณที่เป็นสิวอย่างเด็ดขาด

          สำหรับคนที่เป็นสิวเสี้ยนหากยิ่งแกะ ผิวของคุณหลังแกะก็จะเป็นหลุมเป็นบ่อคล้ายกับดวงจันทร์ ส่วนบรรดาสิวมีหนองทั้งหลาย หากยิ่งแกะก็จะยิ่งเกิดการอักเสบ ดังนั้นไม่ควรไปยุ่งกับสิวเลย นอกจากการแต้มยาลดการอักเสบ การบวม เท่านั้น ที่เหลือใช้การรักษาความสะอาดเข้าช่วยเป็นพอ

          icon 8. ความเครียดก็เป็นตัวการหนึ่งที่ทำให้หน้าคุณหมองคล้ำ ความเครียดเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งเรื่องงาน เงิน ครอบครัว หรือความรัก เพราะฉะนั้นเมื่อมีปัญหาใดเกิดขึ้นมารบกวนจิตใจคุณ ก็จงอย่าเครียด ค่อยๆ แก้ไขอย่างมีสติ และพยายามสงบใจไม่ให้เป็นทุกข์

อีกกรณีของความเครียด ก็เกิดมาจากการที่คุณมีสิวขึ้นบนใบหน้า ยิ่งเครียดยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้นยิ่งเครียด สุดท้ายแล้วหน้าตาคุณก็จะทั้งหมองทั้งแก่ เพราะสิวแค่เม็ดเดียวเท่านั้น

          icon 9. หากคุณเป็นคนผิวแห้ง ก็ควรต้องใช้มอยส์เจอไรเซอร์ก่อนนอนทุกครั้ง และถ้ามีส่วนใดที่แห้งเป็นพิเศษ ควรที่จะใช้โลชั่นที่มี AHA ทาให้ทั่วบริเวณ แต่ถ้าคุณเป็นคนหน้ามัน ก็แนะนำให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์ชนิดเจลจะเหมาะกว่าชนิดครีม

          icon 10. อย่าใช้มือสัมผัส จับ ลูบ ถูใบหน้าในช่วงระหว่างวัน และคุณควรจำไว้ให้ขึ้นใจว่า ทุกครั้งเมื่อไปถึงที่ทำงาน หรือทันทีที่กลับถึงบ้านต้องล้างมือก่อนเสมอ เพราะมือของเราจับต้องสิ่งสกปรกเชื้อโรค ฝุ่นละอองต่างๆ มาตลอดทั้งวัน และการที่คุณจะเผลอเอามือไปจับหน้าจับตาอาจทำให้สิวขึ้นใบหน้าได้

          icon 11. ล้างเครื่องสำอางออกอย่างระมัดระวัง เพื่อความปลอดภัยให้คุณล้างมาสคาราหรืออายแชโดว์ ด้วยเครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมัน ทั้งนี้เพื่อมิให้น้ำมันที่ว่าแทรกซึมไปตามผิวหนังส่วนอื่นๆ เพราะอาจจะไปกระตุ้นหรือระคายเคืองผิว ซึ่งอาจนำไปสู่การกำเนิดสิว

          icon 12. หากคุณมีปัญหาเรื่องผิวหน้าไม่เรียบ หมองคล้ำ เป็นหลุมเป็นบ่อ เป็นสิว เอาเป็นว่าไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรก็ตามแต่ที่เกี่ยวกับผิวหน้า ควรจะไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังจะดีกว่าไปนั่งปรึกษาตามเคาน์เตอร์เสริมความงามอย่างแน่นอน

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2557

ประเภทของเลขานุการ

       เลขานุการสามารถแบ่งตามหลักวิชาการและตามคุณสมบัติได้ดังนี้
                                                                                    
        1.  ตามหลักวิชาการ  แบ่งประเภทเลขานุการออกเป็น 4 ประเภท คือ
            1.1  เลขานุการประจำตำแหน่ง (Position Secretary) คือ ตำแหน่งประจำที่ได้กำหนดไว้อย่างแน่นอนในหน่วยงานหรือองค์การ โดยกำหนดอัตราเงินเดือนและหน้าที่ไว้แน่นอน ได้แก่ เลขานุการกรม เลขานุการองค์การ และเลขานุการบริษัท
            1.2  เลขานุการประจำตัวบุคคล  หรือเลขานุการส่วนตัว (Private or Personal Secretary) หมายถึง เลขานุการส่วนตัวที่ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งโดยตรงของผู้บังคับบัญชา  เลขานุการจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทั้งในงานและกิจการส่วนตัว ได้แก่เลขานุการนายกรัฐมนตรี เลขานุการนักธุรกิจ นักแสดง เป็นต้น
            1.3  เลขานุการกิติมศักดิ์ (Honorable Secretary) คือ บุคคลที่ได้รับเชิญให้มาทำหน้าที่เลขานุการในกรณีพิเศษ เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ ส่วนมากจะเกี่ยวกับงานการกุศล สมาคม จะไม่มีเงินตอบแทนหรือเงินเดือนประจำ เช่น เลขานุการสภากาชาดไทย
            1.4  เลขานุการพิเศษ (Special Secretary)  คือ ผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่และได้รับเงินเดือนประจำอยู่แล้ว แต่ได้รับเชิญหรือแต่งตั้งให้ทำหน้าที่เลขานุการเป็นการชั่วคราวหรือเป็นการเฉพาะในงานใดงานหนึ่ง  เมื่อสิ้นสุดลงตำแหน่งเลขานุการก็จะพ้นหน้าที่ตามไปด้วย ได้แก่ เลขานุการในการประชุม การอบรม การสัมมนา
                                                  
        2.  ตามคุณสมบัติ แบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
            2.1  เลขานุการบริหาร (Executive Secretary or Administrative Secretary) หรือเลขานุการองค์การ คือ เลขานุการที่ทำหน้าที่ช่วยงานในด้านการบริหารงานต่าง ๆ ของผู้บริการ เช่น ด้านนโยบาย งานวางแผน การประสานงาน เลขานุการประเภทนี้มักมีผู้ช่วยที่เรียกว่า Correspondence Secretary มาช่วยปฏิบัติงานด้านเอกสารให้
            2.2  เลขานุการอาวุโส หรือเลขานุการชั้นสูง (Senior Secretary) หมายถึง  เลขานุการที่มีประสบการณ์ในการทำงานมานาน เป็นที่ยอมรับนับถือและได้รับความไว้วางใจจากนายจ้างหรือผู้บังคับบัญชามอบหมายอำนาจหน้าที่และตัดสินใจในการปฏิบัติงานมากกว่าเลขานุการระดับต้น
            2.3  เลขานุการระดับต้น (Junior Secertary) หรือเลขานุการระดับสามัญ หมายถึง เลขานุการที่พึ่งสำเร็จการศึกษาใหม่และยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาก่อน ลักษณะงานที่ปฏิบัติส่วนใหญ่เป็นงานประจำวัน (Routine) หรือการปฏิบัติงานทั่วไปในสำนักงาน

วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ความหมายเลขานุการ


คำว่า “เลขานุการ” เป็นคำสนธิ มาจากคำว่า เลขา สนธิกับ อนุการ ดังนั้น “เลขา + อนุการ
รวมเป็นเลขานุการ”
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 “เลขา” แปลว่า ลายรอยเขียน ตัวอักษรการเขียนการเขียนส่วนคำว่า “อนุการ” แปลว่าการทำตาม การเอาอย่าง รวมกันแล้วคำว่า “เลขานุการ” มีความหมายว่า ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับหนังสือตามที่ผู้ใหญ่สั่ง
จากคำจำกัดความของนักวิชาการและพจนานุกรมสามารถขยายคำจำกัดความของคำว่า “ เลขานุการ ”ได้ดังนี้ “เลขานุการเป็นผู้ช่วยผู้บริหาร เป็นผู้มีความรู้ความสามารถในทักษะทุกเรื่องของสำนักงาน มีความรับผิดชอบในงานที่ทำอยู่ โดยไม่ต้องมีการควบคุมหรือสั่งการ ทั้งยังสามารถใช้ความคิดเรื่องพิจารณาตัดสินใจในขอบเขตแห่งอำนาจที่ได้รับมอบหมายทันที”
คำว่า เลขานุการ ตรงกับคำในภาษาอังกฤษ “SECRETARY” ซึ่งมาจากภาษาลาตินว่า “SECRETUM”แปลว่า “ลับ” หรือ SECRET ดังนั้น “SECRETARY” จึงแปลว่าผู้รู้ความลับ ดังนั้น ผู้ที่ทำงานในตำแหน่งเลขานุการ คือ ผู้รู้ความลับต้องเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจเก็บความลับของผู้บังคับบัญชาและขององค์กรด้วย

คำว่า SECRETARY เป็นคำที่มีอักษร 9 ตัว มีความหมายตามตัวพยัญชนะดังนี้
1. S = SENSE คือ ความมีสามัญสำนึก รู้จักรับผิดชอบว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำมีการตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ทั้งไม่เป็นผู้ที่ทำงานโดยปราศจากความยั้งคิด
2. E = EFFICIENCY คือ ความสามารถในการปฏิบัติงานในหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพและจะแสดงให้เห็นถึงสมรรถภาพของงานด้วย
3. C = COURAGE คือ ความมุมานะ ความกล้า และกล้าที่จะทำงานโดยไม่กลัวว่าจะเกิดความผิดซึ่งขึ้นอยู่กับจิตใจของบุคคลนั้น แล้วงานก็จะสำเร็จสมความมุ่งหมา
4. R = RESPONSIBILITY คือ ความรับผิดชอบในการทำงาน กล่าวคือ ต้องเป็นผู้ที่ทำงานนั้น ๆเอง และต้องรับผิดชอบด้วย
5. E = ENERGY คือ การมีกำลังใจและสุขภาพดีในการทำงาน โดยธรรมดาของการทำงานแล้วอาจต้องเหน็ดเหนื่อยบ้าง แต่เลขานุการต้องรู้จักการผ่อนสั้น ผ่อนยาวในการทำงาน รู้จักแบ่งเวลาทำงานให้ถูกต้องเพื่อร่างกายจะได้รับการพักผ่อนบ้างตามความเหมาะสม
6. T = TECHNIQUE คือ การมีเทคนิคในการทำงาน รู้จักดัดแปลงให้เหมาะสม ซึ่งเทคนิคนั้นเป็นของแต่ละบุคคล แต่อาจเลียนแบบจากผู้อื่นได้และพัฒนาให้ดีขึ้น ดังนั้น เทคนิคจึงเป็นเรื่องที่บอกหรือสอนกันไม่ได้
7. A = ACTIVE คือ ความว่องไว ไม่เฉื่อยชา การตื่นตัว เลขานุการทุกคนต้องมีความตื่นตัวและกระตือรือร้นอยู่เสมอ แม้ว่างานที่ทำจะมีมากหรือเหน็ดเหนื่อยแค่ไหนก็ตาม
8. R = RICH คือ ความเป็นผู้มีศีลธรรม มีความสมบูรณ์ในด้านจิตใจ มิได้หมายถึงความร่ำรวยแต่อย่างใด หากเลขานุการมีคุณธรรมที่ดีก็จะนำความเจริญมาสู่ตัวเลขานุการและองค์การที่ทำงานอยู่
9. Y = YOUTH คือ อยู่ในวัยหนุ่มวัยสาว เพราะงานของเลขานุการนั้นจะต้องติดต่อกับคนทั่ว ๆ ไป

วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หน้าที่ความรับผิดชอบของเลขานุการทั่ว ๆ ไป

หน้าที่ความรับผิดชอบของเลขานุการทั่ว ๆ ไป 

1. ดูแลรับผิดชอบจดหมายเข้าและจดหมายออก
2. จดชวเลขการสั่งงานและถอดข้อความจากชวเลขได้รวดเร็วและถูกต้อง
3. เขียนจดหมายโต้ตอบและพิมพ์งานต่าง ๆ ที่สำคัญ ตลอดจนรู้และสามารถ
อัดสำเนาเอกสารได้
4. รวบรวมเอกสารข้อมูล เพื่อเตรียมเขียนรายงานและร่างสุนทรพจน์ พิมพ์ร่าง
เอกสารที่จะนำไปพิมพ์โฆษณา
5. โทรศัพท์ติดต่องานและรับโทรศัพท์
6. ต้อนรับผู้ที่มาติดต่อและจัดการนัดหมายให้นายจ้าง
7. ช่วยจัดการเกี่ยวกับการประชุม
8. จัดทำบันทึก รายงาน ร่างเอกสารต่าง ๆ ทำสถิติ แผนงาน แผนภาพ ตลอดจน
สามารถวางรูปแบบพิมพ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในสำนักงาน
9. เขียนและส่งโทรสารบางโอกาส
10. เก็บและรักษาเอกสารให้เป็นระเบียบ ค้นหาได้ง่ายเมื่อต้องการ
11. ช่วยวางระเบียบต่าง ๆ และตรวจตราความเรียบร้อยของงานแทนนายจ้าง
12. จัดหาหนังสืออุเทศต่าง ๆ ที่จำเป็น
13. จัดการชำระค่าเช่า ค่าประกันภัย และค่าภาษีต่าง ๆ
14. จัดการบัญชีการเงินของสำนักงาน ติดต่อธนาคาร บริษัทประกันภัย จ่ายเงินเดือนพนักงาน
15. ควบคุมเสมียนพนักงานและประสานงาน โดยรับคำสั่งจากนายจ้างมาแจ้งแก่คนงาน
และนำเสนอความคิดเห็นของคนงานมายังนายจ้าง
16. เสนอหนังสือและส่งหนังสือที่สั่งการแล้วไปยังแผนกต่าง ๆ
17. ช่วยผู้บังคับบัญชาปรับปรุงภาระการทำงาน และดูแลความสะอาดเรียบร้อยของสำนักงาน
18. จัดซื้อเครื่องทุ่นแรง อุปกรณ์สำนักงาน ตลอดจนเครื่องเขียนและวัดสุที่จำเป็น
19. งานด้านคอมพิวเตอร์ ต้องดูแลการวางระบบคอมพิวเตอร์เพื่อช่วยงานด้านเอกสาร
สามารถใช้งานคอมพิวเตอร์ทั้งการเก็บข้อมูลและจัดทำสถิติได้ด้วย

วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ภาพลักษณ์ของการเป็นเลขานุการที่ดีœ

ภาพลักษณ์ของการเป็นเลขานุการที่ดีœ
ภาพลักษณ์ที่เกิดกับเลขานุการ
การมีบุคลิกภาพที่ดี การแต่งกายอาจจะไม่ใช่ข้อสรุปทั้งหมดของตัวเลขานุการคนนั้น ๆ แต่ก็เป็นปราการด่านแรกที่หลายคนจะมองเห็น ดังนั้น การแต่งกายที่เหมาะสม นอกจากจะเกิดผลดีกับเลขานุการเองแล้วยังเป็นกระจกที่ฉายให้เห็นภาพของนายจ้างได้อีกทางหนึ่ง
ความหลากหลายของงานหน้าที่เลขานุการ งานเลขานุการมีงานมากมายที่จะต้องทำใน “สำนักงาน” เหมือนกับหมุดต่าง ๆ ที่คอยทำหน้าที่ร่วมกัน งานทั้งหมดจะต้องเดินไปด้วยกัน หากละเลยหน้าที่งานหนึ่งก็จะกระทบกับงานทั้งระบบ
การร่วมแรงร่วมใจทำงาน เลขานุการอาจจะทำงานขึ้นตรงกับให้นายจ้างเพียงลำพัง แต่ไม่ได้หมายความว่า เลขานุการจะทำงานเพียงคนเดียวในสำนักงานนั้น ๆ การประสานงานก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ หากยึดตัวเองเพียงคนเดียวงานที่จะทำสำเร็จก็คงจะลำบากและใช้เวลา
ความสะอาด เรียบร้อย มีแง่มุมที่มองว่า สีขาว แทนความสะอาด เรียบร้อย ของงาน มีความรอบคอบในการทำหน้าที่เลขานุการ รวมไปถึง ความเรียบง่ายแต่หรูหราอย่างมีระดับ
จิตใจที่ดีทั้งภายนอกและภายใน เลขานุการจะต้องแสดงภาพที่ดีออกมาทั้งภายนอก ในขณะภายใน ก็จะต้องดีไปด้วยกัน การคิดทางบวก  (positive thinking) คงจะต้องมีอยู่ในบุคลิกลักษณะของความเป็นเลขานุการ เพราะจะต้องทำงานกับนายจ้างโดยตรง พร้อมทั้งเป็นผู้ที่ต้องปะทะสังสรรค์กับบุคคลรอบข้างทั้งจากภายในและภายนอกองค์กร


ความใจกว้าง ของเลขานุการ ต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีทั้งต่อนายจ้าง เพื่อนร่วมงานรวมถึงบุคคลที่ติดต่อและเกี่ยวข้องกับนายจ้าง รู้จักเปิดใจรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น

วันอังคารที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2556

     ลักษณะการแต่งกายของเลขานุการ

              การแต่งกายไปสมัครงานหรือสอบสัมภาษณ์ อาจมองดูเป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณสาวๆ ที่เจนเวทีทั้งหลายที่ทราบว่าจะเลือกเสื้อตัวนี้ให้เหมาะกับกระโปรงตัวนั้นผมต้องทำทรงนี้ เครื่องประดับต้องใส่ชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่จึงจะดูดี มีบุคลิกที่เป็นตัวของตัวเอง แต่ยังมีคุณสาว ๆ อีกไม่น้อยที่อาจจะนึกภาพไม่ออกว่าควรแต่งกายอย่างไรดี
              ในบางคนก็มั่นใจใส่กระโปรงสั้นผ่าหน้าผ่าหลัง เสื้อรัดรูปโชว์หุ่นอันแบบบาง ขอบอกว่าไม่ควรค่ะไม่ควร ผู้รับสมัครอาจมองว่าคุณหุ่นดี แต่ในใจอาจตำหนิว่าที่นี่ไม่ใช่เวทีแคทวอล์คของนางแบบหรือบรรดานางงามทั้งหลาย นั่นอาจจะทำให้คุณพลาดโอกาสอันงามไปโดยไม่รู้ตัว ความมั่นใจน่ะมีได้เป็นสิ่งที่ดี แต่ทั้งนี้อย่ามองข้ามกาลเทศะไปเชียวนะคะ ชุดที่สวมใส่ควรเป็นชุด 2 ชิ้น แยกท่อนบน ท่อนล่าง จะดูเป็นทางการและทะมัดทะแมงมากกว่าชุดแซ็คชิ้นเดียวนะคะ ถ้าหากสถานที่ที่คุณไปสมัครนั้น เป็นองค์กรหรือหน่วยงานที่ค่อนข้างมีพิธีรีตรองมาก เสื้อเชิ้ตเรียบ ๆ ตัวเดียวอาจจะยังไม่ดูเป็นทางการพอ แนะนำให้สวมทับด้วยสูทหรือแจ็คเก็ตผ้าแบบเรียบ ๆ (ที่ไม่ใช่ผ้ายีน) สีดำ สีเทา สีเบจ หรือสีครีม จะช่วยเน้นบุคลิกภาพที่เรียบสง่าและดูดี ไม่ควรเป็นสูทตัวโคร่ง ๆ แนะนำให้เลือกสูทเข้ารูปแบบเก๋ ๆ สักตัว จะทำให้คุณดูเป็นสาวมาดมั่นมากกว่าสูทตัวโคร่งสำหรับสาวโบราณอย่างแน่นอนค่ะ
              รองเท้าสวมเปลือยส้นไม่มีสายรัดข้อเท้าเก็บใส่กล่องเอาไว้ก่อน หันมาสวมรองเท้าคัชชูปิดนิ้วเท้า จะเป็นการสุภาพกว่าหลายท่านอาจร้องยี้ว่าเหมือนคุณครู ไม่จริงหรอกค่ะเดี๋ยวนี้แบบเรียบแต่มีสไตล์วางจำหน่ายอยู่ดาษดื่น ลองเลือกสวมใส่กันดูนะคะ กระเป๋าควรเลือกที่ดูไม่แฟชั่นจนเกินไป ใบไม่ใหญ่เกินพอดี เพราะอาจทำให้ดูเกะกะไม่คล่องตัว ที่สีสันแสบสุดเก็บไว้ใช้ในงานปาร์ตี้จะดีกว่า ควรเลือกโทนสีขรึมจะช่วยให้คุณดูน่าเชื่อถือไม่น้อยทีเดียวค่ะ เครื่องประดับประเภทห้อยระย้า หรือห่วงใหญ่จนเกินงาม อาจทำให้คุณดูเปรี้ยวจี๊ดมั่นมาดได้ก็จริงอยู่